สิ่งที่จำเป็น ในการดูแลผู้ป่วยติดเตียง

การดูแลผู้ป่วยที่ต้องติดเตียงเป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากมีผลต่อสุขภาพและความเป็นสมบูรณ์ของผู้ป่วย เรามาสำรวจขั้นตอนและสิ่งที่จำเป็นในการดูแลผู้ป่วยติดเตียงให้ได้ที่ดีที่สุดในบทความนี้.



1. การดูแลที่จำเป็นในการดูแลผู้ป่วยติดเตียง

การดูแลผู้ป่วยติดเตียงต้องคำนึงถึงด้านร่างกายและจิตใจของผู้ป่วย นอกจากการให้การรักษาทางการแพทย์ที่เหมาะสม ยังต้องคำนึงถึงปัจจัยอื่นๆ ดังนี้:



  • การให้โภชนาการที่เหมาะสม: การให้อาหารและน้ำที่เพียงพอและเหมาะสมสำหรับสภาพผู้ป่วยเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อส่งเสริมการฟื้นฟูและประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกัน.

  • การดูแลทางการพยาบาล: ผู้ดูแลต้องรับผิดชอบในการดูแลแผล, การเปลี่ยนท่าท่านอน, การทำกายภาพบำบัด, และการตรวจสอบอุปกรณ์ทางการแพทย์อื่นๆ ตามที่แพทย์หรือพยาบาลระบุ.

  • สนใจเรื่องสุขอนามัยทางจิต: การเสริมสร้างอารมณ์ที่ดีและความมุ่งมั่นในการฟื้นฟูมีผลในการเร็วของการฟื้นฟู.

2. เตียงผู้ป่วย หรือ เตียงไฟฟ้า

เตียงผู้ป่วยเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญในการดูแลผู้ป่วยติดเตียง มีทั้งเตียงธรรมดาและเตียงไฟฟ้า ควรพิจารณาดังนี้:



  • เตียงธรรมดา: เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่ไม่ต้องการปรับสูงต่ำของเตียงอย่างต่อเนื่อง มักใช้ในกรณีที่ความต้องการไม่สูง.

  • เตียงไฟฟ้า: เตียงไฟฟ้าสามารถปรับระดับสูงต่ำได้ตามความสะดวกของผู้ป่วย ทำให้ผู้ดูแลง่ายต่อการดูแลผู้ป่วยและป้องกันการเกิดแผลกดทับ.

3. การป้องกันหรือหลีกเลี่ยงแผลกดทับ

การนอนนิ่งเป็นเวลานาน การกดทับที่ผิวหนังในระยะเวลานานหรือซ้ำๆ ทำให้การไหม้ของเซลล์ผิวหนังเกิดขึ้น เป็นสาเหตุหลักของแผลกดทับ ส่วนของร่างกายที่รับความกดทับมากที่สุดคือจุดที่มีกระดูกอยู่ใกล้ผิวหนัง เช่น สะโพก, ส้นเท้า, ไหล่, และหลัง การป้องกันหรือหลีกเลี่ยงแผลกดทับเป็นสิ่งสำคัญ เราสามารถทำได้โดย:



  • การเปลี่ยนท่านอน: ผู้ดูแลควรเปลี่ยนท่านอนของผู้ป่วยอย่างสม่ำเสมอเพื่อลดแรงกดทับในพื้นผิว.

  • การใช้รถเข็น: ผู้ป่วยที่ต้องนอนนิ่งๆเป็นเวลานานควรนั่งบนรถเข็นเพื่อเปลี่ยนท่านอนและสร้างความผ่อนคลาย.


    แต่ถ้าหากว่า ผู้ป่วยเป็นอัมพฤกษ์หรืออัมพาต ไม่รู้สึกตัวหรือไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ หรือ มีแผลกดทับระดับ 1-4 อยู่แล้ว ควรพิจารณาในการใช้


    ภาพตัวอย่าง ที่นอนลม Rossmax AM40 Air mattresses

    เตียงลม (Air Mattress)

    เตียงลมหรือที่นอนลมเป็นอุปกรณ์ที่ออกแบบเพื่อกระจายแรงกดทับ โดยมีระบบปั๊มลมไฟฟ้าทำงานในการสลับพองของลมใต้ที่นอนอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการกดทับผิวหนังเป็นเวลานาน นี่เป็นการลดการเกิดแผลกดทับได้ ที่นอนลมมี 2 แบบหลักด้วยกัน:



    • ที่นอนลมแบบลอนขวาง: ที่นอนลมแบบนี้ทำจาก PVC และมีลักษณะเป็นลอน 20-22 ลอนโดยประมาณ ระบบจะสลับการยุบพองของลอนทุก ๆ 5 นาที ในกรณีที่มีลอนใดลอนหนึ่งชำรุดหรือมีรูรั่ว สามารถถอดลอนเพื่อเปลี่ยนได้.

    • ที่นอนลมแบบรังผึ้ง (บับเบิ้ล): ที่นอนลมแบบนี้ใช้การสลับความดันลมและยุบพองใต้ที่นอนทุก ๆ 8-9 นาที และสามารถปรับระดับความนิ่มของที่นอนได้ แต่หากที่นอนชำรุดหรือมีรูรั่วเพียงจุดเดียว จะทำให้ที่นอนเสียหายทั้งหมด ซึ่งยากต่อการซ่อมบำรุง

    ข้อจำกัดของที่นอนกันแผลกดทับแบบลม:

    • ไม่ควรใช้ในผู้ป่วยที่มีลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ (Phlebothrombosis)
    • ผู้ป่วยกระดูกสันหลังหักแต่ยังไม่เข้าที่ (Unstable spinal fractures)
    • ผู้ป่วยที่มีการบาดเจ็บเกี่ยวกับไขสันหลัง เนื่องจากการเคลื่อนไหวของผิวแผ่นที่นอนลมอาจเป็นอันตรายได้.

      4. เครื่องดูดเสมหะสำหรับผู้ป่วยที่ไม่สามารถขับเสมหะได้เอง


      ภาพตัวอย่าง เครื่องดูดเสมหะ และ ของเหลว Rossmax V7 แบบมีแบทเตอรี่ในตัว

      สำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหาในการละอายเสมหะ เครื่องดูดเสมหะเป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญ เพราะช่วยให้ผู้ป่วยหายใจได้อย่างสะดวกและปลอดภัย.

      การใช้เครื่องดูดเสมหะ (Suction Machine) อาจจำเป็นสำหรับบางคนที่มีปัญหาเสมหะในลำคอหรือหลอดลมที่จะต้องถูกดูดออกเพื่อรักษาหรือบรรเทาอาการทางการหายใจ นี่คือขั้นตอนการใช้เครื่องดูดเสมหะอย่างเรียบง่าย:

      1. เตรียมเครื่องดูดเสมหะ:

        • ตรวจสอบว่าเครื่องดูดเสมหะมีอุปกรณ์และส่วนประกอบที่ครบถ้วน และทำงานอย่างถูกต้อง
        • ตรวจสอบว่าถุงดูดเสมหะถูกติดตั้งให้ถูกตำแหน่งและสนับสนุนอย่างแน่นหนา

      2. ล้างและทำความสะอาด:

        • ล้างมือให้สะอาดก่อนการใช้งาน
        • ทำความสะอาดและทำซับซ้อนเครื่องดูดเสมหะตามคำแนะนำจากผู้ผลิต โดยใช้สารล้างที่เหมาะสม
        • ทำความสะอาดและถอดถุงดูดเสมหะที่ใช้เมื่อไม่ได้ใช้งานและเก็บไว้ในบรรจุภัณฑ์ที่สะอาดและมีฝาปิด
      3. ตรวจสอบสินค้าปลอดภัย:

        • ตรวจสอบว่าทางไฟฟ้าและสายไฟไม่มีการขาดหายหรือสึกหรอ
        • ตรวจสอบว่าหัวดูดเสมหะถูกติดตั้งอย่างถูกต้องและมีการทำปิดสวิตช์หรือปุ่มควบคุมต่าง ๆ ตามคำแนะนำ


      4. ใส่หัวดูดเสมหะ:

        • ติดตั้งหัวดูดเสมหะที่เหมาะกับปริมาณและลักษณะของเสมหะที่ต้องการดูด
      5. ปรับการตั้งค่า:

        • ตั้งค่าเครื่องดูดเสมหะตามความต้องการของผู้ใช้ เช่น ปรับระดับการดูดแรงดัน




      6. การใช้งาน:

        • ให้ผู้ใช้นั่งหรือนอนในท่าทีที่สะดวกและสบาย
        • เปิดเครื่องดูดเสมหะโดยใช้สวิตช์หรือปุ่มควบคุมที่เหมาะสม
        • ใช้หัวดูดเสมหะให้เข้าไปในลำคอหรือหลอดลมที่มีเสมหะ และเปิดการดูดอากาศออก
        • เมื่อเสมหะถูกดูดออกและสิ้นสุดการดูด เปิดสวิตช์หรือปุ่มควบคุมและปิดเครื่องดูดเสมหะ



      7. ล้างและทำความสะอาดหลังใช้งาน:

        • ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อตามคำแนะนำจากผู้ผลิตหลังใช้งาน
        • ล้างหัวดูดเสมหะและอุปกรณ์ที่ใช้งานด้วยน้ำอุ่นและสบู่ และซ่อนให้สามารถใช้งานในครั้งถัดไปได้


      8. เก็บเครื่องดูดเสมหะ:

        • เก็บเครื่องดูดเสมหะในที่สบายและแห้ง และรักษาในสภาพที่มีอุณหภูมิและความชื้นเหมาะสมตามคำแนะนำของผู้ผลิต

      โปรดทราบว่าการใช้เครื่องดูดเสมหะควรมีคำแนะนำเฉพาะจากผู้ให้บริการสุขภาพหรือแพทย์ที่รับผิดชอบดูแลผู้ป่วยเป้าหมาย โปรดปฏิบัติตามคำแนะนำและคำแนะนำของพวกเขาอย่างเคร่งครัด.



      5. เครื่องออกซิเจนและถังออกซิเจนสำหรับผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ


      ภาพตัวอย่าง เครื่องผลิตออกซิเจน Airsep Intensity 10 จาก USA
      • เครื่องออกซิเจน (Oxygen Concentrator): เครื่องออกซิเจนเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการสร้างออกซิเจนสูงความเข้มข้นสูงจากอากาศและให้ผู้ป่วยหายใจออกซิเจนที่มีความเข้มข้นสูงกว่าในอากาศ เครื่องออกซิเจนมักถูกใช้ในการรักษาผู้ป่วยที่มีโรคหลายๆ อย่าง เช่น โรคปอด, หัวใจ, หรืออื่นๆ ที่อาจทำให้ระดับออกซิเจนในเลือดลดลง.


      • ถังออกซิเจน (Oxygen Cylinder): ถังออกซิเจนเป็นท่อเก็บออกซิเจนที่มีความเข้มข้นสูง ซึ่งสามารถนำไปใช้ในการให้ผู้ป่วยหายใจโดยใช้หน่วยกดแรง (flowmeter) เพื่อควบคุมออกซิเจนที่ถูกปล่อยออกมา ถังออกซิเจนมักถูกใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉินหรือเมื่อไม่สามารถใช้เครื่องออกซิเจนได้.
      • การใช้งาน: เครื่องออกซิเจนสามารถให้ออกซิเจนที่มีความเข้มข้นสูงให้กับผู้ป่วยทางเดินหายใจผ่านทางท่อหรือแม้แต่หน้ากากออกซิเจน ความเข้มข้นของออกซิเจนที่ถูกให้นั้นจะถูกปรับแต่งตามความต้องการของผู้ป่วย. ถังออกซิเจนใช้ในกรณีที่ต้องให้ออกซิเจนที่มีความเข้มข้นสูงให้ผู้ป่วยโดยตรง.
      • ความระมัดระวัง: การใช้งานเครื่องออกซิเจนและถังออกซิเจนต้องมีความระมัดระวัง เนื่องจากออกซิเจนมีความเร่งในการเผาผลาญและอาจทำให้เกิดเพลิงไหม้ได้ จึงต้องรักษาระยะห่างจากแหล่งเปลวไฟและไม่ควรสูบบุหรี่หรือใช้ไฟใกล้กับเครื่องออกซิเจน.
      • การดูแลรักษา: เครื่องออกซิเจนและถังออกซิเจนต้องการการดูแลรักษาและการตรวจสอบประจำ เพื่อให้มั่นใจว่าออกซิเจนพร้อมใช้งานเสมอ ถังออกซิเจนต้องการการเติมออกซิเจนเมื่อมีความจำเป็น.

      6. การเปลี่ยนท่านอนเพื่อสุขภาพร่างกายและจิตใจ

      ภาพตัวอย่าง รถเข็น รถนั่งล้อเข็น แบบพับได้ Moving the Life รุ่น AL8KG

      การนอนบนเตียงนิ่งๆเป็นเวลานานเกินไปอาจทำให้ผู้ป่วยรู้สึกไม่สบาย ดังนั้นการเปลี่ยนท่านอนเพื่อสร้างความผ่อนคลายและเพิ่มปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้ป่วยติดเตียงกับผู้ดูแลมีความสำคัญ เราสามารถทำได้โดยอำนวยความสะดวกให้ผู้ป่วยนั่งบนรถเข็นเพื่อสัมผัสภาวะร่างกายที่แตกต่างออกไป.

      ในสรุป การดูแลผู้ป่วยติดเตียงต้องคำนึงถึงด้านร่างกายและจิตใจของผู้ป่วย ด้วยการให้การรักษาทางการแพทย์ที่เหมาะสม การให้อาหารและน้ำที่เพียงพอ การดูแลแผล และการป้องกันแผลกดทับ เราสามารถช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกดีและสามารถฟื้นฟูได้ในสภาพที่ดีขึ้นได้.

      Comments